อนุบาล 1

อายุ 3-4 ปี
  • อนุบาล 1

    • ช่วงอายุ:
      3-4 ปี
    • ขนาดชั้นเรียน:
      24 คน
    • เรียนวัน:
      จันทร์ - ศุกร์ 08.30 - 14.30 น.
  • สมัครเรียนหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

    • พัฒนาการด้านร่างกาย

      • ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย และมีสุขภาพที่ดี
      • เช่น มีน้ำหนักส่วนสูงตามเกณฑ์ ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำ ห้องส้วม เล่นและทำกิจกรรมอย่างปลอดภัยเมื่อมีผู้ชี้แนะ

      • กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้คล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน
      • เช่น เดินตามแนวที่กำหนดได้ กระโดดสองขาขึ้นลงอยู่กับที่ได้ วิ่งแล้วหยุดได้ ใช้กรรไกรตัดกระดาษขาดจากกันได้โดยใช้มือเดียว เขียนรูปวงกลมได้ตามแบบ ร้อยวัสดุที่มีรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. ได้

    • พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ

      • มีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุข
      • เช่น พัฒนาความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง และความเชื่อมั่นในตนเอง รับรู้ความรู้สึกของตนเองและการแสดงอารมณ์ที่เป็นสุข การควบคุมอารมณ์และการแสดงออก การชื่นชมธรรมชาติ การทำกิจกรรมศิลปะต่างๆ ตามความสนใจ เป็นต้น

      • ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว
      • เช่น สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่านงานศิลปะ เสียงเพลงดนตรี หรือ ท่าทางประกอบเพลง เป็นต้น

      • มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม
      • เช่น ซื่อสัตย์สุจริต บอกว่าสิ่งใดเป็นของตนเองหรือของผู้อื่น แสดงความรักเพื่อน และมีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยง แบ่งปันผู้อื่นได้เมื่อมีผู้ชี้แนะ มีความเห็นอก เห็นใจผู้อื่น มีความรับผิดชอบ ทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จเมื่อมีผู้ช่วยเหลือ เป็นต้น

    • พัฒนาการด้านสังคม

      • มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
      • เช่น แต่งตัวโดยมีผู้ช่วยเหลือ รับประทานอาหารด้วยตนเอง เก็บของเล่นของใช้เข้าที่เมื่อมีผู้ชี้แนะ เข้าแถวตามลำดับก่อนหลังได้ผู้มีชี้แนะ ใช้สิ่งของเครื่องใช้อย่างประหยัดและพอเพียงเมื่อมีผู้ชี้แนะ

      • รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย
      • เช่น มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมื่อมีผู้ชี้แนะ ปฏิบัติตนตามมารยาทไทยและกล่าวขอบคุณ ขอโทษเมื่อมีผู้ชี้แนะ หยุดเดินเมื่อได้ยินเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี

      • อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
      • เช่น เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเด็กที่แตกต่างจากตน ยิ้มหรือทักทายผู้ใหญ่และบุคคลที่คุ้นเคยเมื่อมีผู้ชี้แนะ ปฏิบัติตนเป็นผู้นำและผู้ตามเมื่อมีผู้ชี้แนะ ยอมรับการประนีประนอมแก้ไขปัญหาเมื่อมีผู้ชี้แนะ เป็นต้น

    • พัฒนาการด้านสติปัญญา

      • ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
      • เช่น ฟังผู้อื่นพูดจนจบและพูดโต้ตอบเกี่ยวกับเรื่องที่ฟัง เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้นๆ อ่านภาพและพูดข้อความด้วยภาษาของตน เป็นต้น

      • มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้
      • เช่น บอกลักษณะสิ่งต่างๆจากการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัส คัดแยกสิ่งต่างๆ ตามลักษณะหรือหน้าที่การใช้งาน ระบุผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทำเมื่อมีผู้ชี้แนะ คาดเดาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ แก้ปัญหาโดยลองผิดลองถูก

      • มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
      • เช่น ทำงานศิลปะตามจินตนาการและความความคิดสร้างสรรค์ สื่อสารความคิด ความรูสึกของตนเอง เคลื่อนไหวท่าทางเพื่อสื่อสารความคิดความรู้สึกของตนเอง

      • มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย
      • เช่น กระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรม ค้นหาคำตอบของข้อสงสัยต่างๆ ตามวิธีการที่มีผู้ชี้แนะ ใช้ประโยคคำถามว่า ใคร อะไร ในการค้นหาคำตอบ เป็นต้น

  • สมรรถนะ
    ความสามารถในการเคลื่อนไหวและสุขภาวะทางกาย

    • การเคลื่อนไหวและการทรงตัวโดยใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ – สามารถแสดงความแข็งแรงและประสานการทำงานของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น วิ่งได้ตรงไม่โซเซ เดิน และวิ่งตามเส้นเป็นวงกลม เป็นต้น
    • การเคลื่อนไหวด้วยกล้ามเนื้อมัดเล็ก – สามารถแสดงความแข็งแรงและประสานการทำงานของกล้ามเนื้อมมัดเล็ก เช่น ใช้มือจับดินสอหรืออุปกรณ์อื่นอย่างถูกวิธีในการขีดเขียน เป็นต้น
    • ประสาทสัมผัสกับการเคลื่อนไหว – สามารถใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การเห็น ได้ยิน กายสัมผัส เป็นการนำในการเคลื่อนไหว เช่น มุดอุโมงค์ โดยหัวไม่ชน รินน้ำจากขวดใส่ถ้วยโดยไม่หก จัดวางสิ่งของหรือวัสดุซ้อนหรือต่อกันให้เป็นรูปร่างต่างๆ ตามตัวอย่าง เป็นต้น
    • โภชนาการ – สามารถรับประทานอาหารหลายๆ ชนิดที่มีประโยชน์และปลอดภัย ครบ 5 หมู่ โดยมีผู้ใหญ่ช่วยเหลือและแนะนำ เป็นต้น
    • สมรรถภาพทางกาย – เช่น สามารถทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง 10 – 15 นาที ชวนเพื่อเล่นกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหว เป็นต้น
    • ความปลอดภัย – สามารถแสดงออกว่ามีความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น เล่นอย่างปลอดภัยตามคำแนะนำของผู้ใหญ่ รู้ว่าเมื่อต้องการความช่วยเหลือจะติดต่อกับใคร เป็นต้น
    • การช่วยเหลือและดูแลตนเอง สามารถช่วยและพึ่งตนเองได้ในกิจวัตรของตน เช่น รู้จักแปรงฟันด้วยตนเองโดยมีผู้ใหญ่ช่วย ทำความสะอาดร่างกายหลังปัสสาวะ และอุจจาระ ด้วยตนเองโดยมีคนช่วย บอกได้ว่าต้องการขับถ่าย เป็นต้น
    ด้านสังคม
    • การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ – สามารถแสดงทักษะในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ เช่น ทักทาย พูดคุยถามตอบกับผู้ใหญ่โดยมีผู้ใหญ่ช่วย ทำสิ่งต่างๆ เพื่อเอาใจผู้ใหญ่ ช่วยเหลือผู้ใหญ่ทำงานบ้านตามสมควร สนใจฟังผู้อื่นพูดขณะสนทนา รู้จักปรับน้ำเสียงและความดังตามสถานการณ์ต่างๆ โดยมีผู้ใหญ่แนะนำ เป็นต้น
    • การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนเด็ก – สามารถแสดงทักษะทางสังคมเชิงบวกกับเพื่อนเด็กด้วยกัน เช่น แสดงความสนใจเด็กคนอื่น พูดคุยและเล่นกับเพื่อนเด็กด้วยกัน ยอมรับกฎ กติกา เวลาเล่นกับเพื่อน เป็นต้น
    • พฤติกรรมการปรับตัวทางสังคม – สามารถแสดงความตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมมีผลต่อบุคคลและสิ่งแวดล้อม เช่น แบ่งปันกับเพื่อน และผลัดกันเล่นโดยมีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือแนะนำ เป็นต้น
    • เห็นคุณค่าของความแตกต่าง – สามารถตระหนักรู้ เห็นคุณค่า และยอมรับนับถือในความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล เช่น ปฏิบัติตนอย่างสุภาพกับทุกคน เล่นเลียนแบบและแสดงความชื่นชมวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากตน เป็นต้น
    ด้านอารมณ์
    • ความคิดเกี่ยวกับตนเอง – สามารถรับรู้เกี่ยวกับตนเอง และตระหนักรู้ว่าตนชอบหรือไม่ชอบอะไร เช่น แสดงท่าทาง วาจา บอกความรู้สึกรักและผูกพันกับพ่อแม่ และคนใกล้ชิด เป็นต้น
    • การควบคุมอารมณ์ตนเอง สามารถปฏิบัติตนตามกฎระเบียบและกิจวัตร และควบคุมอารมณ์ได้ตามสมควร เช่น ไม่ให้ความสนิทสนมกับคนแปลกหน้า โดยมีผู้ใหญ่บอกหรือให้เหตุผล ไม่แสดงอาการหงุดหงิดจนเกินไปเมื่อต้องทำกิจกรรมที่ยาก โดยมีผู้ใหญ่ช่วย เป็นต้น
    • สมรรถนะของตนเอง – สามารถความเชื่อมั่นในความสามารถของตน เช่น แสดงความดีใจโดยท่าทางหรือวาจา เมื่อทำอะไรได้หรือสำเร็จ อวดผลงานของตนเพื่อให้ตนเองรู้สึกดี และรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถ เป็นต้น
    ด้านการคิดและสติปัญญา
    • ความจำ – สามารถจำเบื้องต้น เช่น ร้องเพลงจนจบได้ ท่องคำคล้องจองหรือคำกลอนสั้นๆ ได้ เป็นต้น
    • ความมีเหตุผล – สามารถแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุและผล เช่น บอกเหตุผลที่ต้องล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ (เกี่ยวกับการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน) เป็นต้น
    • การคิดอย่างมีวิจารณญาณ – สามารถเปรียบเทียบ แยกแยะความเหมือน ความแตกต่าง และประเมินสถานภาพ เช่น จัดกลุ่มสิ่งของตามประเภทโดยใช้เกณฑ์เดียวในการจัด ตามสี หรือ ตามรูปทรง หรือตามขนาด เป็นต้น
    • สามารถแก้ปัญหาได้ – เช่น รู้จักถามเพื่อให้ได้วิธีการแก้ปัญหา แก้ปัญหา ในชีวิตประจำวันได้ โดยการลองผิด ลองถูก (สวมรองเท้า ติดกระดุม) เป็นต้น
    • ความตั้งใจจดจ่อ – สามารถจดจ่อกับการทำกิจกรรมด้วยความตั้งใจ เช่น ฟังคนอื่นพูดด้วยข้อความสั้นๆ จนจบแล้วโต้ตอบด้วยวาจาหรือการกระทำจนจบ เป็นต้น
    • ความคิดด้านคณิตศาสตร์ – สามารถอ่านตัวเลข นับเลข และรู้จำนวน เช่น พูดคำว่า 1 ถึง 10 เรียงลำดับได้โดยไม่จำเป็นต้องทราบความหมาย เป็นต้น
    • เข้าใจปรากฏการณ์ และวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ – แสดงพฤติกรรมอยากรู้ อยากลอง โดยการมอง การฟัง การถาม จับต้อง และลงมือทำ เช่น ทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต ดูแลให้อาหารสัตว์ รดน้ำต้นไม้ บอกเรื่องการแต่งตัวหรือการใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในสภาพอากาศที่แตกต่างกัน การใช้ร่ม การใช้เสื้อกันฝน เสื้อกันหนาว เป็นต้น
    • ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมรอบตัว – แสดงออกถึงความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะของครอบครัว และบทบาทของครอบครัว รวมถึง ชุมชนของตน การพึ่งพา ซึ่งกันและกัน และบทบาททางสังคมของคนต่างๆ เช่น บอกชื่อจริงหรือชื่อเล่นของพ่อแม่ พี่น้อง บอกได้ว่าสมาชิกในครอบครัวใครเป็นผู้ชาย ใครเป็นผู้หญิง บอกชื่อครูได้ บอกหรือเล่นบทบาทสมมติเป็นอาชีพได้ เป็นต้น
    • มลภาวะและการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ขับถ่ายให้เป็นที่ และใช้ห้องน้ำอย่างถูกวิธี เป็นต้น
    • เข้าใจเกี่ยวกับคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ เช่น แสดงพฤติกรรมการเก็บออมเพื่ออนาคต รับประทานหมด ไม่หยิบของมามากกว่าที่จำเป็นต้องใช้ เป็นต้น
    ด้านการใช้ภาษา
    • รับรู้ เข้าใจและใช้คำศัพท์ได้ – เช่น นำคำที่ได้เรียนรู้ใหม่มาใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
    • การเรียงคำให้เป็นประโยค – เช่น พูดเป็นประโยคที่มี 3 – 4 คำโดยมีคำนามและกริยา เป็นต้น
    • ความเข้าใจภาษา – สามารถแสดงพฤติกรรม เข้าใจความหมายและจับใจความได้จากการฟังภาษาพูด เช่น ทำตามคำสั่งหรือคำบอกที่มีลักษณะ 2 ขั้นตอนต่อเนื่องได้ เป็นต้น
    • การสื่อความหมาย – สามารถรับรู้และใช้ภาษาพูดสื่อความหมายได้ตรงตามความต้องการของตน เช่น บอกความต้องการ ความรู้สึก ความคิดเห็นของตนได้ เป็นต้น
    • การสื่อความหมายด้วยท่าทางและสัญลักษณ์ – เช่น ทำตามคำสั่งที่เป็นท่าทางของผู้ใหญ่ได้ หรือ สามารถทำท่าทางต่างๆ เพื่อสื่อความหมายได้ เป็นต้น
    • การอ่านและการเขียน – สามารถบ่งชี้และออกเสียงตัวพยัญชนะ สระ และคำง่ายๆ ได้ และสามารถเขียนตัวอักษร และคำง่ายๆ ได้
    ด้านจริยธรรม
    • การมีวินัยในตนเอง – สามารถแสดงพฤติกรรมควบคุมตนเอง เช่น ให้ความร่วมมือในการทำกิจวัตรเพื่อให้ไปโรงเรียนทัน เชื่อฟังและปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน ทำตามสัญญาหรือข้อตกลงง่ายๆ แสดงความรับผิดชอบโดยทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำในระยะสั้นๆ เป็นต้น
    • ความรับผิดชอบชั่วดี – สามารถแสดงพฤติกรรมสะท้อนความเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำใดถูกหรือผิด เช่น แสดงความอ่อนโยนต่อเพื่อน ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตน เป็นต้น
    ด้านการสร้างสรรค์
    • ดนตรีและการเต้นตามดนตรี – เช่น สนใจด้วยการตั้งใจฟังเพลง หรือดนตรี เต้นหรือเคลื่อนไหวร่างกายตามที่กำหนดสอดคล้องกับดนตรี เป็นต้น
    • ศิลปะการละคร – เช่น แสดงท่าทางหรือบทบาทสมมติต่างๆ ตามจินตนการได้ สามารถทำเสียงหรือท่าทางเลียนแบบตัวละครเมื่อเล่านิทานหรือเล่าเรื่อง เป็นต้น
    • ทัศนศิลป์ – แสดงพฤติกรรมการวาด การปั้น และการประดิษฐ์
    • การเคลื่อนไหวและสุขภาวะทางกาย100%
    • ด้านสังคม100%
    • ด้านอารมณ์100%
    • ด้านการคิดและสติปัญญา100%
    • ด้านการใช้ภาษา100%
    • ด้านจริยธรรม100%
    • ด้านการสร้างสรรค์100%
  • ครูประจำชั้น

    ด้วยการศึกษาและประสบการณ์การดูแลเด็กปฐมวัย
    • ศิริรัตน์ พริ้งเพราะ (ครูยุ้ย)

      ศิริรัตน์ พริ้งเพราะ (ครูยุ้ย)

      • ปริญญาตรี:
        เกียรตินิยมอันดับ 1 การศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยนครพนม
    • มุกดา จอมสูงเนิน (ครูจ๋า)

      มุกดา จอมสูงเนิน (ครูจ๋า)

      • ปริญญาตรี:
        เกียรตินิยมอันดับ 1 ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

เปิดรับสมัครนักเรียน ปีการศึกษา 2567  นัดชมโรงเรียน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-204-2218

ใหม่! โปรแกรมพิเศษ ช่วงปิดเทอม 18 มี.ค. - 5 เม.ษ. 67